วันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เอวร่ารับสุดปวดใจไก่โคม่า

ปาทริซ เอวร่า แบ็กซ้ายทีมชาติฝรั่งเศส ยอมรับสุดเจ็บปวดกับผลงานของทีม “เลส์ เบลอส์” ที่ล้มเหลวไม่เป็นท่าในฟุตบอลโลกครั้งนี้


ฝรั่งเศส ส่อแววจะต้องตกรอบแรกในฟุตบอลโลกครั้งนี้เมื่อพลาดท่าพ่ายต่อเม็กซิโก ในเกมล่าสุดทำให้โอกาสจะเข้ารอบสองแทบไม่เหลือ ซึ่งทางด้าน เอวร่า ในฐานะกัปตันทีมก็ยอมรับว่าเจ็บปวดกับผลงานของทีมอย่างมาก

“มันคือหายนะ เราพูดได้แค่นี้ เราไม่ใช่ทีมที่ยิ่งใหญ่”

“เมื่อเราตกรอบแรกในฟุตบอลยูโร 2008 ได้ เราก็ยังตกรอบแรกฟุตบอลโลกได้อีก แต่เราไม่อยากจะคิดอะไรไกลกว่านั้น”

“บอกตรงๆว่าผมไม่คิดจะได้เห็นมันมาก่อน สิ่งที่เจ็บปวดก็คือเราไม่รู้วิธีจะตอบโต้ หรือวิธีจะตีเสมอ พวกเขาฝังเราด้วยประตูที่สอง”


ผู้ดีโวยแฟนบอลหลุดเข้าไปด่าเบ๊คส์ถึงห้องแต่งตัว

สหพันธ์ฟุตบอลอังกฤษ ออกอาการไม่พอใจฝ่ารักษาความปลอดภัยของเจ้าภาพแอฟริกาใต้ หลังปล่อยให้มีแฟนบอลบุกมาถึงห้องแต่งตัวหลังจบเกมเจ๊าแอลจีเรีย 0-0 เมื่อวันเสาร์ที่่ผ่านมา และเข้าไปด่าเดวิด เบ๊คแฮม


แฟนอังกฤษที่เข้าไปเชียร์ทีมรักในสนามกรีน พอยนท์ สเตเดี้ยมกว่า 25,000 คน ส่งเสียงโห่ใส่นักเตะหลังฟอร์มการเล่นย่ำแย่ เสมอแอลจีเรีย 0-0 จนทำให้ส่อแววตกรอบแรก

เท่านั้นยังไม่พอ หลังจบเกมยังมีแฟนรายหนึ่งเล็ดรอดเข้าไปถึงห้องแต่งตัวทัพสิงโตคำราม และเจอเดวิด เบ๊คแฮม อดีตกัปตันทีมชาติซึ่งมาให้กำลังใจเพื่อนร่วมทีม ทำให้หนุ่มเบ๊คส์รับเคราะห์โดนด่าแหลก ซึ่งในเรื่องนี้อังกฤษจะแจ้งเรื่องไปยังฟีฟ่าให้จัดการต่อไป

ทั้งนี้ เบ๊คแฮมไม่ได้ติดโผลุยเวิลด์คัพเพราะเกิดบาดเจ็บกะทันหันแต่ก็ยังร่วมเดินทางมาที่แอฟริกาใต้กับเพื่อนๆ ด้วย


คาเปลโล่ยอมรับความกดดันทำสิงโตพัง

ฟาบิโอ คาเปลโล่ กุนซือทีมชาติอังกฤษ ออกมายอมรับเสียงอ่อยว่า ความกดดันและความคาดหวังสูงทำให้ทัพทรีไลออนส์เล่นไม่ออก จนได้แค่เสมอแอลจีเรีย 0-0 เมื่อ วันเสาร์ที่ผ่านมา


ชะตากรรมของอังกฤษยังไม่แน่ไม่นอน และอาจจะตกรอบแรกเวิลด์คัพ 2010 ได้ เนื่องจากนัดแรกเสมออเมริกามา 1-1 และนัดสองก็เพิ่งเจ๊าแอลจีเรียไร้สกอร์หมาดๆ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

หลังจบเกมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา คาเปลโล่ให้สัมภาษณ์ว่า "เราเสียบอล และต่อบอลผิดพลาดหลายครั้ง แต่ถึงยังไงก็ยังเหลืออีกเกม ซึ่งเราคงจะได้ยินดีกันมากกว่านี้"

"ผมไม่รู้ว่ามันเกิดจากความกดดัน หรือแค่มันไม่ใช่ช่วงเวลาของเรา แต่ผมคิดว่าอาจเป็นอย่างหลัง เพราะเราเสียบอลมากจนไม่คิดว่านี่คือทีมที่ผมรู้จัก"

"สำหรับเกมสุดท้าย ผมจะเปลี่ยน ผมจะพยายามทำอะไรที่แตกต่าง ผมจะคุยกับนักเตะ นี่เป็นโอกาสสุดท้าย เราต้องเดินหน้า แต่นักเตะก็รู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไร"

ส่วนกรณีที่สื่อถามว่าเพราะเหตุใดทีมใหญ่ในรายการนี้จึงทำผลงานย่ำแย่ คาเปลโล่ตอบสั้นๆ ว่า "บางทีอาจจะเป็นความกดดันก็ได้"


โพลดี้ยืดอกรับผิดทำอินทรีเหล็กพ่าย

ลูคัส โพดอลสกี้ กองหน้าทีมชาติเยอรมนี กล่าวว่าตนเองเป็นเหมือน "ไอ้งั่ง" หลังยิงจุดโทษพลาดจนทำให้ "อินทรีเหล็ก" พ่ายให้ เซอร์เบีย 0-1 ในศึกฟุตบอลโลก 2010 นัดที่ 2 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา


ทีมของโยอาคิม เลิฟ ต้องเหลือแค่ 10 คนหลังจากที่ มิโรสลาฟ โคลเซ่ โดนไล่ออกจากการโดนสองใบเหลืองตั้งแต่ครึ่งแรก แต่ เยอรมนี ก็มีโอกาสตีเสมอได้เมื่อได้ลูกจุดโทษ แต่ โพดอลสกี้ ซึ่งทำไปแล้ว 39 ประตูในการเล่นทีมชาติ กลับยิงไปติดเซฟของนายทวารเซิร์บอย่างเหลือเชื่อ

"แน่นอนว่าเราผิดหวัง" หัวหอกทีมโคโลญจน์ กล่าว "ผมคิดว่าลูกยิงจุดโทษของผมไม่ได้แย่ขนาดนั้น แต่ผู้รักษาประตูก็ป้องกันได้ดีมาก ถ้าผมทำประตูจากจุดโทษได้ เราก็น่าจะได้ 1 แต้มเพราะฉะนั้นมันเป็นความผิดของผม"

"ผมคิดว่าเราเล่นครึ่งหลังกันได้ดี มีโอกาสมากขึ้นที่จะทำประตู ผมมีโอกาสที่จะทำได้บางทีน่าจะถึงสามประตูด้วยซ้ำ"

"ในเกมกับออสเตรเลียเราทำประตูได้เมื่อมีโอกาสแบบนี้ แต่ก็นั่นแหละ วันหนึ่งคุณเป็นฮีโร่ และอีกวันคุณก็กลายเป็นไอ้งั่ง"

สิงโตยังฝืดแค่เจ๊าแอลจีเรีย 0-0

"สิงโตคำราม" อังกฤษ ยังโชว์ฟอร์มไม่ออกหลังทำให้แค่เสมอกับ แอลจีเรีย 0-0 ในเกมฟุตบอลโลก นัดที่ 2 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ลงสนาม 2 นัดมีเพียง 2 แต้มและต้องลุ้นเข้ารอบในนัดสุดท้าย


ฟุตบอลโลก รอบแรก นัดที่ 2 กลุ่ม ซี วันที่ 18 มิ.ย. 2010


อังกฤษ 0-0 แอลจีเรีย
ผู้ทำประตู : -
สนาม : เคป ทาวน์ สเตเดี้ยม

ฟาบิโอ คาเปลโล่ กุนซือทีมชาติอังกฤษ ดร็อป โรเบิร์ต กรีน ที่ทำผิดพลาดในเกมแรกที่เสมอ สหรัฐอเมริกา 1-1 และให้ เดวิด เจมส์ นายทวารจอมเก๋าลงเฝ้าเสาแทน นอกจากนั้น ยังได้ แกเร็ธ แบร์รี่ หายเจ็บกลับมาลงเล่นเป็นตัวจริงอีกครั้งด้วย ส่วนคู่กองหน้ายังเป็น เวย์น รูนี่ย์ และ เอมิล เฮลกี้ เช่นเดิม

ขณะที่ แอลจีเรีย ซึ่งพ่าย สโลวีเนีย มาก่อนในเกมแรก ยังยึด คาริม ซิยานี่ และ คาริม มัตมัวร์

"สิงโตคำราม" มีโอกาสลุ้นเล็กๆ ในนาทีที่ 4 เมื่อ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กึ่งยิงกึ่งผ่านไปหน้าประตู ราอิส เอ็มโบลี่ นายทวารแอลจีเรีย รับเกือบไม่ติดมือแต่สุดท้ายก็ยังไม่พลาด

ผู้เล่นแอลจีเรียเข้าบอลเร็วทำให้อังกฤษเล่นตามเกมของตัวเองลำบาก โดยช่วง 20 นาทีแรกเป็นฝั่งแอลจีเรีย ที่ครองเกมบุกได้ดีกว่า แม้ว่าจะยังไม่มีโอกาสลุ้นประตูอย่างชัดเจนก็ตาม

นาทีที่ 30 เจอร์ราร์ด ตั้งป้อมยิงไกลจากระยะประมาณ 30 หลา แต่นายทวารแอลจีเรีย ยังเซฟไว้ได้สวย

ถัดมาอีก 3 นาที อังกฤษ เกือบจะได้ประตูขึ้นนำเมื่อ อารอน เลนน่อน โยนให้ แฟรงค์ แลมพาร์ด ได้ซัดในกรอบเขตโทษแต่ เอ็มโบลี่ ก็ยังพุ่งปัดมือเดียวออกไปได้ทัน

นาทีที่ 35 คาริม ซิยานี่ กองหน้าแอลจีเรีย ก็พาบอลลุยมาถึงหน้าถึงกรอบเขตโทษก่อนจะกดด้วยขวาถากเสาไปนิดเดียว

อีก 4 นาทีต่อมา แบร์รี่ ได้ลองส่องไกลแต่ เอ็มโบลี่ ก็ยังรับเข้าซองได้อีกครั้ง เช่นเดียวกับลูกยิงไกลของ รูนี่ย์ ในนาทีที่ 43 ก่อนจะจบครึ่งแรกด้วยการเสมอกัน 0-0

ครึ่งหลังทั้งสองทีมยังใช้ผู้เล่นชุดเดิม และเป็น แอลจีเรีย ที่มีลุ้นก่อนจากลูกฟรีคิกแต่ อันตาร์ ยาเอีย ซัดไปติดกำแพง

นาทีที่ 56 เจอร์ราร์ด พาบอลทะลุเข้าไปถึงเขตโทษได้แล้ว แต่กลับพยายามที่จะจ่ายเข้ากลางแทนที่จะยิงเองทำให้ถูกกองหลังแอลจีเรียสกัดออกหลังไปได้อย่างน่าเสียดาย

อีก 3 นาทีต่อมา เจมี่ คาร์ราเกอร์ โดนใบเหลืองจากการทำไปฟาวล์ซึ่งทำให้เกมหน้าจะหมดสิทธิลงสนามเนื่องจากสะสมใบเหลืองครบ 2 ใบ แต่ ยาเอีย ก็ยิงฟรีคิกบริเวณกรอบเขตโทษหลุดเสาไป

นาทีที่ 63 อังกฤษ เปลี่ยนตัวเป็นคนแรกด้วยการถอด เลนน่อน ออก และส่ง ฌอน ไรท์-ฟิลิปป์ ลงมาแทน

อีกไม่กี่อึดใจต่อมา จอห์น เทอร์รี่ ก็เกือบทำพลาดเมื่อจ่ายคืนหลังไม่ดี แต่ เจมส์ ยังปราดออกมาตัดบอลนอกเขตได้ทันก่อนที่ มัตมัวร์ จะเข้าถึงบอล

นาทีที่ 72 สิงโตคำราม มีลุ้นประตูติดๆ กัน เริ่มจาก เฮสกี้ ที่ได้เปิดแฉลบบอลเกือบย้อยเข้าประตู และจากลูกเตะมุม เจอร์ราร์ด ได้โหม่งแต่ไปเข้ามือของ เอ็มโบลี่ อีก

จากนั้น คาเปลโล่ เปลี่ยนตัวผู้เล่นคนที่ 2 ด้วยการส่ง เจอร์เมน เดโฟ มาแทน เฮสกี้ แต่เกมรุกก็ยังไม่ดีขึ้นมากนัก ทำให้โค้ชชาวอิตาเลียนต้องทิ้งไพ่ใบสุดท้ายด้วยการส่ง ปีเตอร์ เคร้าช์ มาแทน แกเร็ธ แบร์รี่ ในนาทีที่ 84

ช่วงท้ายเกม อังกฤษ บุกได้มากกว่าแต่ก็ไม่สามารถเจาะแนวรับของ แอลจีเรีย ได้ ทำให้จบเกมเสมอกันไป 0-0 ส่งผลให้ "สิงโตคำราม" ยังไม่ชนะใครต่อไปและต้องลุ้นเข้ารอบในนัดสุดท้ายกับ สโลวีเนีย ต่อไป


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
อังกฤษ : เดวิด เจมส์, แอชลี่ย์ โคล, จอห์น เทอร์รี่, เจมี่ คาร์ราเกอร์, เกล็น จอห์นสัน, อารอน เลนน่อน, แฟรงค์ แลมพาร์ด, แกเร็ธ แบร์รี่, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, เวย์น รูนี่ย์, เอมิล เฮสกี้


แอลจีเรีย : ราอิส เอ็มโบลี่, มาดจิด บูห์เกร์ร่า, นาดี้ เบลฮัดจ์, อันตาร์ ยาเอีย, ฮัสซัน เย็บด้า, ลาเซ่น, ราฟิค ฮาลิเช่, ไรอัด บูเดบุซ, คาริม ซิยานี่, คาริม มัตมัวร์


ผู้ตัดสิน : ราฟชาน เออร์มาตอฟ (อุซเบกิสถาน)

วันพฤหัสบดีที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เป็นไปตามคาด เมื่ออินเตอร์ มิลาน ทีม 3 แชมป์ฤดูกาลที่ผ่านมา ประกาศแต่งตั้ง ราฟาเอล เบนิเตซ เป็นกุนซือคนใหม่ ซึ่งจะเซ็นสัญญา 2 ปี และเปิดตัวเป็นทางการในวันอังคารที่ 15 มิ.ย.นี้




หลังจากที่มีข่าวร่วมกันมานาน ในที่สุดเอล ราฟาก็ตอบรับข้อเสนอเซ็นสัญญาคุมงูใหญ่ 2 ปี โดยเป็นการรับงานต่อจาก โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือโปรตุกีสที่เพิ่งพาอินเตอร์ประสบความสำเร็จสูงสุดคว้า 3 แชมป์ ทั้งสคูเด๊ตโต้, โคปปา อิตาเลีย และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลที่ผ่านมา

ด้านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของอินเตอร์ระบุว่า "อินเตอร์ยินดีต้อนรับการมาของราฟาเอล เบนิเตซ เมื่อเช้าวันพฤหัสบดีนี้ เราได้ตกลงกับโค้ชชาวสเปนในการรับภารกิจคุมทีมจนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2012"
อาร์เยน ร็อบเบน ปีกตัวฉกาจของทีมชาติฮอลแลนด์ มีโอกาสสูงที่จะเรียกฟิตกลับมาลงเล่นในเกมฟุตบอลโลก 2010 นัดแรกของทัพกังหันลมที่จะเจอเดนมาร์ก ในวันจันทร์ที่ 14 มิ.ย.นี้




ร็อบเบนโชคร้ายได้รับบาดเจ็บเอ็นร้อยหวายจากเกมอุ่นเครื่องที่ถล่มฮังการี 6-1 เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าเจ้าตัวมีโอกาสน้อยที่จะได้ร่วมเล่นในรอบแรกของเวิลด์คัพหนนี้

อย่างไรก็ดี ข่าวล่ามาเร็วจาก ดิ๊ค ฟาน ทูร์น นักกายภาพประจำทีมดัตช์แมนเผยว่ามิดฟิลด์บาเยิร์น มิวนิค มีโอกาสสูงที่จะฟิตทันลงเล่นในเกมวันจันทร์นี้ได้

ฟาน ทูร์น กล่าวว่า "ผมคิดว่าอาร์เยนจะฟิตทันเล่นเกมแรกกับเดนมาร์ก แต่โค้ชอาจจะไม่ส่งเขาลงสนามก็ได้ด้วยเหตุผลทางแท็กติก แต่ถึงตอนนั้นเขาคงหายเจ็บแล้ว"

"เบิร์ต ฟาน มาร์ไวค์ (โค้ชฮอลแลนด์) มองเรื่องนี้ต่างไป เขารู้สึกว่าอาร์เยนยังไม่ควรเล่นหลังไม่ได้ซ้อมมานาน แม้จะไม่เจ็บแล้วก็ตาม แต่ตัวผมมองว่าอาร์เยนพร้อมลงสนามทันทีที่ไม่มีอาการบาดเจ็บแล้ว"