วันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สิงโตยังฝืดแค่เจ๊าแอลจีเรีย 0-0

"สิงโตคำราม" อังกฤษ ยังโชว์ฟอร์มไม่ออกหลังทำให้แค่เสมอกับ แอลจีเรีย 0-0 ในเกมฟุตบอลโลก นัดที่ 2 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ลงสนาม 2 นัดมีเพียง 2 แต้มและต้องลุ้นเข้ารอบในนัดสุดท้าย


ฟุตบอลโลก รอบแรก นัดที่ 2 กลุ่ม ซี วันที่ 18 มิ.ย. 2010


อังกฤษ 0-0 แอลจีเรีย
ผู้ทำประตู : -
สนาม : เคป ทาวน์ สเตเดี้ยม

ฟาบิโอ คาเปลโล่ กุนซือทีมชาติอังกฤษ ดร็อป โรเบิร์ต กรีน ที่ทำผิดพลาดในเกมแรกที่เสมอ สหรัฐอเมริกา 1-1 และให้ เดวิด เจมส์ นายทวารจอมเก๋าลงเฝ้าเสาแทน นอกจากนั้น ยังได้ แกเร็ธ แบร์รี่ หายเจ็บกลับมาลงเล่นเป็นตัวจริงอีกครั้งด้วย ส่วนคู่กองหน้ายังเป็น เวย์น รูนี่ย์ และ เอมิล เฮลกี้ เช่นเดิม

ขณะที่ แอลจีเรีย ซึ่งพ่าย สโลวีเนีย มาก่อนในเกมแรก ยังยึด คาริม ซิยานี่ และ คาริม มัตมัวร์

"สิงโตคำราม" มีโอกาสลุ้นเล็กๆ ในนาทีที่ 4 เมื่อ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กึ่งยิงกึ่งผ่านไปหน้าประตู ราอิส เอ็มโบลี่ นายทวารแอลจีเรีย รับเกือบไม่ติดมือแต่สุดท้ายก็ยังไม่พลาด

ผู้เล่นแอลจีเรียเข้าบอลเร็วทำให้อังกฤษเล่นตามเกมของตัวเองลำบาก โดยช่วง 20 นาทีแรกเป็นฝั่งแอลจีเรีย ที่ครองเกมบุกได้ดีกว่า แม้ว่าจะยังไม่มีโอกาสลุ้นประตูอย่างชัดเจนก็ตาม

นาทีที่ 30 เจอร์ราร์ด ตั้งป้อมยิงไกลจากระยะประมาณ 30 หลา แต่นายทวารแอลจีเรีย ยังเซฟไว้ได้สวย

ถัดมาอีก 3 นาที อังกฤษ เกือบจะได้ประตูขึ้นนำเมื่อ อารอน เลนน่อน โยนให้ แฟรงค์ แลมพาร์ด ได้ซัดในกรอบเขตโทษแต่ เอ็มโบลี่ ก็ยังพุ่งปัดมือเดียวออกไปได้ทัน

นาทีที่ 35 คาริม ซิยานี่ กองหน้าแอลจีเรีย ก็พาบอลลุยมาถึงหน้าถึงกรอบเขตโทษก่อนจะกดด้วยขวาถากเสาไปนิดเดียว

อีก 4 นาทีต่อมา แบร์รี่ ได้ลองส่องไกลแต่ เอ็มโบลี่ ก็ยังรับเข้าซองได้อีกครั้ง เช่นเดียวกับลูกยิงไกลของ รูนี่ย์ ในนาทีที่ 43 ก่อนจะจบครึ่งแรกด้วยการเสมอกัน 0-0

ครึ่งหลังทั้งสองทีมยังใช้ผู้เล่นชุดเดิม และเป็น แอลจีเรีย ที่มีลุ้นก่อนจากลูกฟรีคิกแต่ อันตาร์ ยาเอีย ซัดไปติดกำแพง

นาทีที่ 56 เจอร์ราร์ด พาบอลทะลุเข้าไปถึงเขตโทษได้แล้ว แต่กลับพยายามที่จะจ่ายเข้ากลางแทนที่จะยิงเองทำให้ถูกกองหลังแอลจีเรียสกัดออกหลังไปได้อย่างน่าเสียดาย

อีก 3 นาทีต่อมา เจมี่ คาร์ราเกอร์ โดนใบเหลืองจากการทำไปฟาวล์ซึ่งทำให้เกมหน้าจะหมดสิทธิลงสนามเนื่องจากสะสมใบเหลืองครบ 2 ใบ แต่ ยาเอีย ก็ยิงฟรีคิกบริเวณกรอบเขตโทษหลุดเสาไป

นาทีที่ 63 อังกฤษ เปลี่ยนตัวเป็นคนแรกด้วยการถอด เลนน่อน ออก และส่ง ฌอน ไรท์-ฟิลิปป์ ลงมาแทน

อีกไม่กี่อึดใจต่อมา จอห์น เทอร์รี่ ก็เกือบทำพลาดเมื่อจ่ายคืนหลังไม่ดี แต่ เจมส์ ยังปราดออกมาตัดบอลนอกเขตได้ทันก่อนที่ มัตมัวร์ จะเข้าถึงบอล

นาทีที่ 72 สิงโตคำราม มีลุ้นประตูติดๆ กัน เริ่มจาก เฮสกี้ ที่ได้เปิดแฉลบบอลเกือบย้อยเข้าประตู และจากลูกเตะมุม เจอร์ราร์ด ได้โหม่งแต่ไปเข้ามือของ เอ็มโบลี่ อีก

จากนั้น คาเปลโล่ เปลี่ยนตัวผู้เล่นคนที่ 2 ด้วยการส่ง เจอร์เมน เดโฟ มาแทน เฮสกี้ แต่เกมรุกก็ยังไม่ดีขึ้นมากนัก ทำให้โค้ชชาวอิตาเลียนต้องทิ้งไพ่ใบสุดท้ายด้วยการส่ง ปีเตอร์ เคร้าช์ มาแทน แกเร็ธ แบร์รี่ ในนาทีที่ 84

ช่วงท้ายเกม อังกฤษ บุกได้มากกว่าแต่ก็ไม่สามารถเจาะแนวรับของ แอลจีเรีย ได้ ทำให้จบเกมเสมอกันไป 0-0 ส่งผลให้ "สิงโตคำราม" ยังไม่ชนะใครต่อไปและต้องลุ้นเข้ารอบในนัดสุดท้ายกับ สโลวีเนีย ต่อไป


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
อังกฤษ : เดวิด เจมส์, แอชลี่ย์ โคล, จอห์น เทอร์รี่, เจมี่ คาร์ราเกอร์, เกล็น จอห์นสัน, อารอน เลนน่อน, แฟรงค์ แลมพาร์ด, แกเร็ธ แบร์รี่, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, เวย์น รูนี่ย์, เอมิล เฮสกี้


แอลจีเรีย : ราอิส เอ็มโบลี่, มาดจิด บูห์เกร์ร่า, นาดี้ เบลฮัดจ์, อันตาร์ ยาเอีย, ฮัสซัน เย็บด้า, ลาเซ่น, ราฟิค ฮาลิเช่, ไรอัด บูเดบุซ, คาริม ซิยานี่, คาริม มัตมัวร์


ผู้ตัดสิน : ราฟชาน เออร์มาตอฟ (อุซเบกิสถาน)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น